ประวัติของโรงเรียน
โรงเรียนบ้านแหลมโพธิ์ ได้สร้างและเปิดเรียนเมื่อ พ.ศ. 2490 มีชื่อว่า “ โรงเรียนประชาบาลตำบลไสไทย 5 ” ตั้งอยู่ระหว่าง หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 8 ( ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 5 ) อาคารหลังแรกนี้ ซึ่งสร้างในที่ว่างเปล่า ไม่มีหลักฐานบอกเขตเด่นชัด ต่อมาอาคารหลังนี้ชำรุดลง ได้ย้ายมาสร้างใหม่ ในท้องที่ หมู่ที่ 3 ( หมู่ที่ 6 ปัจจุบัน )
บ้านแหลมโพธิ์บริเวณที่สร้างอาคารเรียน เป็นที่ดินของ นายเลาะ สันฝา อาคารเรียนเป็นอาคารชั่วคราว สองห้องเรียน หลังคามุงจาก ฝากั้นด้วยไม้ไผ่ ครูใหญ่ ชื่อนายดำ สาระวารี ได้ใช้เป็นที่เรียน มีครูสอนคนเดียว เป็นเวลา 4 ปี นายดำ สาระวารี ได้ลาออก ทางราชการ จึงได้แต่งตั้งให้ นายสมิง เฉิดโฉม มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่แทน
พ.ศ. 2495 นายสมิง เฉิดโฉม และนายบูสัน สาระวารี พร้อมด้วยผู้ปกครองนักเรียน ราษฎรในท้องที่ หมู่ที่ 6 ปัจจุบัน ได้พร้อมใจกันสละแรงงานและกำลังทรัพย์ สร้างอาคารหลังใหม่ในเขตที่ดินของโรงเรียน อาคารหลังนี้ได้ใช้เปิดทำการสอน เป็นเวลา 4 ปี จึงถูกวาตภัยเสียหาย
พ.ศ. 2499 นายสมิง เฉิดโฉม ได้ย้ายไปสอนที่อื่น ทางราชการจึงแต่งตั้งให้นายมงคล ถิ่นหนองจิก มาดำรงตำแหน่งแทน ได้รับความร่วมมือจาก นางกิมกุ่ย ฮ่อบุตร พร้อมด้วยราษฎรในท้องถิ่น ได้สละเงินและแรงงาน ช่วยกันสร้างอาคารเรียนกึ่งถาวร หลังคามุงด้วยสังกะสี ฝากั้นด้วยกระดาน อาคารเหล่านี้ใช้ทำการสอน 15 ปี ถูกลมพัดชำรุดเสียหาย ไม่สามารถซ่อมแซมได้
พ.ศ. 2514 ทางราชการได้จัดสรรงบประมาณสร้างอาคารเรียน แบบ ป.1 ก จำนวน 4 ห้องเรียน และได้ใช้อาคารเหล่านี้เป็นที่เรียนของนักเรียน แทนอาคารหลังเก่าที่ชำรุด
พ.ศ. 2524 ทางราชการได้จัดสรรงบประมาณสร้างอาคารเรียน แบบ 017 จำนวน 1 หลัง จำนวน 4 ห้องเรียน และได้งบประมาณสร้างโรงฝึกงาน แบบ 316 จำนวน 1 หลัง
หลังจากเกิดธรณีพิบัติภัยสึนามิ เมื่อ 26 ธันวาคม 2548 โรงเรียนได้รับบริจาคอาคารเรียนแบบ สปช 159/29 จากบริษัทปูนซีเมนต์ไทย( ตรานกอินทรี ) จำกัด ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์ เมื่อ 10 มีนาคม 2549 ที่ดิน เขตครอบครองในปัจจุบัน แต่เดิมเป็นที่ว่างเปล่าเนินสันดอน กลางทุ่งนาเป็นที่เลี้ยงสัตว์ ชาวบ้านในท้องที่ พร้อมใจกันมอบให้เป็นเขตของโรงเรียนโดยให้ทางโรงเรียนมีกรรมสิทธิ์ครอบครอง ตั้งแต่ ปี 2494 จำนวน 5 ไร่ เศษ ต่อมาในปี พ.ศ.2520 นายสุวีร์ มงคลการุณก์ ได้ดำเนินการติดต่อขอซื้อที่ดิน ของนายดำ หง้าฝา ซึ่งมีอาณาเขตโรงเรียน จำนวน 2 ไร่ 20 ตารางวา ในการจัดซื้อด้วยเงินคณะครูในโรงเรียนร่วมมือกับผู้ปกครองนักเรียน ในราคา 5,000 บาท ที่ดินซื้อใหม่นี้เป็นที่ตั้งอาคารเรียน 017 และโรงฝึกงานในปัจจุบัน รวมที่ดินทั้งหมด 8 ไร่ 2 งาน 51 ตารางวา
ข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม
1) สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล ไม่เหมาะแก่การเกษตร มีประชากรประมาณ 1,700 คน จำนวนครัวเรือน 515 หลัง
บริเวณใกล้เคียงโดยรอบโรงเรียน ได้แก่ สุสานหอย 45 ล้านปี ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี อาชีพหลักของชุมชน คือ อาชีพรับจ้าง ประมง ขายของที่ระลึกและบริการเรือนำเที่ยวเนื่องจากพื้นดินเป็นดินทรายไม่เหมาะแก่การเกษตรและชุมชนอยู่ในสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ประเพณี/ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป คือ ประเพณีถือศีลอด วันฮารีรายอ การเข้าสุนัด ร็องแง็ง
2) ผู้ปกครองส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย
อาชีพหลัก คือ รับจ้าง คิดเป็นร้อยละ 90 ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม คิดเป็นร้อยละ 99.46
นับถือศาสนาอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.54 ฐานะทางเศรษฐกิจ/รายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัว ต่อปี 55,000 บาท จำนวนคนเฉลี่ยต่อครอบครัว 5 คน
3) โอกาสและข้อจำกัดของโรงเรียน
โรงเรียนบ้านแหลมโพธิ์เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล มีนักเรียนในเขตบริการ คิดเป็นร้อยละ 99.46 ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 0.54 ผู้ปกครองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างและประมง บ้านเรือนส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชายทะเล โรงเรียนบ้านแหลมโพธิ์จัดได้ว่าเป็นโรงเรียนที่มีชุมชนเข้มแข็ง คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและชุมชนให้ความร่วมมือในการพัฒนาโรงเรียนด้วยดีเสมอมา จากสภาพโดยรวมของบ้านเรือนที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนทำให้โรงเรียนและบ้านสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วเมื่อนักเรียนหรือโรงเรียนมีปัญหา
จากการที่นักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ทำให้ขาดแคลนทุนทรัพย์และขาดโอกาสในการศึกษาต่อ ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่จบการศึกษาแค่ภาคบังคับ
นอกจากนี้โรงเรียนยังตั้งอยู่ใกล้แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญในท้องถิ่น ทำให้สามารถใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นในการจัดการเรียนการสอน เช่น บ้านพระยาคงคาธราธิบดี ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง สุสานหอย 45 ล้านปี ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์การบริหารส่วนตำบลไสไทยกลุ่มแม่บ้านผลิตของที่ระลึก บ่อเพาะพันธ์ลูกกุ้งและบ่อเลี้ยงกุ้งเอกชน เป็นต้น
ปรับปรุงข้อมูลเมื่อ 2023-07-13 10:54:25 น.