• สถานศึกษาปลอดภัย
  • MolYat.png

  • ประวัติ โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา
  • ประวัติโดยย่อ 

                จุดกำเนิดเริ่มมาจากการจุดประกายของชาวบ้านในชุมชนบ้านฟ่อนโดยมีวัดบ้านฟ่อนเป็นสถานที่ก่อเกิดความคิด  เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้นไปร่วมฟังเทศน์ฟังธรรมกันที่วัดอยู่เป็นประจำ  ปรากฏว่าเด็กเล็ก ๆ ในชุมชนจำนวนมากก็จะไปเล่นที่วัดกันอย่างสนุกสนาน  ทำให้เป็นการรบกวนสมาธิในการฟังเทศน์ฟังธรรมของผู้ใหญ่  เจ้าอาวาสในสมัยนั้นจึงได้ให้พระลูกวัดพาเด็ก ๆ ไปรวมกลุ่มและเล่านิทานพื้นบ้านให้เด็ก ๆ ฟัง ต่อมาได้ขยายผลเป็นการสอนให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้าน  จนถึงที่สุดได้ใช้ศาลาวัดเป็นที่สอนหนังสือให้กับเด็ก ชาวบ้านต่างพาลูกหลานของตนไปฝากเรียนหนังสือกับพระสงฆ์  จนทางการได้เห็นความสำคัญจึงได้พัฒนาเป็นโรงเรียนบ้านฟ่อน  โดยใช้ศาลาวัดบ้านฟ่อนเป็นสถานที่เรียน  พ่อแปง  แก้วนัย  ชาวบ้านฟ่อนได้เล่าว่า “เดิมทีเดียวผู้เฒ่าผู้แก่ได้ไปร่วมฟังเทศน์ฟังธรรมที่วัด เป็นประจำ และได้พาลูกหลานไปร่วมด้วย มีเด็กเป็นจำนวนมากทำให้เสียงรบกวนสมาธิในการฟังเทศน์ เจ้าอาวาสจึงให้พระลูกวัดพาพวกเด็ก ๆ มานั่งรวมกันฟังนิทานฟื้นบ้านดั้งเดิม และต่อมาก็มีความคิดที่จะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักประเพณีวัฒนธรรมแล้วจึงได้เริ่มสอนการอ่าน การเขียนหนังสือไทย โดยใช้ศาลาวัดเป็นสถานที่เรียน  ผู้คนจึงต่างพากันนำลูกหลานมาฝากเรียนกับพระสงฆ์”(นายแปง  แก้วนัย, ๒๕๔๓ : สัมภาษณ์)

              โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่  ๑  มีนาคม  พ.ศ. ๒๔๗๑  โดย ร.อ.อ หลวงวิชิตชนบทพิบูลย์ (ทัศน์ สุขเนนทร์) นายอำเภอเมืองลำปางก่อตั้ง  โดยใช้ชื่อว่า  โรงเรียนประชาบาล๑ (บ้านฟ่อน)ใช้ศาลาวัดบ้านฟ่อนเป็นสถานที่เรียน  เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๔   มีนักเรียนชาย  ๗๐ คน นักเรียนหญิง  ๗๒ คน  รวมทั้งสิ้น ๑๔๒  คน  มีครู  ๒ คน  ครูใหญ่คนแรกชื่อ  นายโล๊ะ  จารุวิจิตร  ต่อมาในปี  พ.ศ.๒๔๗๓  ชาวบ้านได้อุทิศที่ดินให้เป็นสมบัติของโรงเรียนมีเนื้อที่  ๒  ไร่ ๑ งาน  ๖๙  ตารางวา  โรงเรียนจึงได้ย้ายออกจากศาลาวัดมาอยู่ ณ ที่แห่งใหม่  โดยได้รับงบประมาณจากทางราชการสร้างอาคารเรียนแบบ ป.๑   ขนาด ๒ x ๒๔  เมตร  จำนวน ๑ หลัง  อาจารย์เต้า    ฉกรรจ์แดง  ชาวบ้านฟ่อน ได้เล่าว่า  “ในช่วงระยะที่กำลังก่อสร้างอาคารเรียนนี้  จำเป็นต้องใช้ศาลาวัดเป็นสถานที่เก็บอุปกรณ์ก่อสร้างทุกอย่าง  ทำให้เกะกะกีดขวางไม่สะดวกในการเรียนการสอน  จึงย้ายสถานที่เรียนชั่วคราวไปเรียนที่วัดชมพูหลวง   เมื่อสร้างอาคารเรียนเสร็จแล้วจึงย้ายกับมาเรียนที่เดิมคือ  บริเวณโรงเรียนในปัจจุบันนี้” (นายเต้า    ฉกรรจ์แดง, ๒๕๔๓ : สัมภาษณ์) ต่อมาโรงเรียนได้ขยายบริเวณและสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติมอีกหลายหลังดังนี้   

    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖  ได้ซื้อที่ดินจำนวน  ๒  ไร่ ๒  งาน  ๙๒  ตารางวา  โดยทางการได้จัดสรรงบประมาณให้ ๓๐,๐๐๐ บาท  และประชาชนร่วมกับคณะครูได้จัดหาเงินโดยจัดงานทอดกฐินและจัดงานแสดงของครูและนักเรียน  ได้เงินจำนวน  ๑๒,๐๐๐  บาท   จึงได้นำไปซื้อที่ดินเพิ่มอีก ๖  ไร่ ๑ งาน  ๘๐   ตารางวา  และได้ก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ๐๐๘  ขนาด  ๗ x  ๗๑  เมตร   มีห้องเรียนจำนวน  ๙  ห้อง โดยได้เงินจากชาวบ้านที่ร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคเป็นเงิน  ๓๐๐,๐๐๐  บาท  ทางราชการได้จัดสรรงบประมาณให้อีก ๑๕๐,๐๐๐ บาท   อาคารได้สร้างเสร็จเมื่อ  พ.ศ. ๒๕๐๘  และยังได้รับงบประมาณทาสีจากทางการอีกเป็นจำนวนเงิน  ๔๐,๐๐๐  บาท  หลังจากอาคารใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้เปิดการสอนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายเป็นปีแรก  เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ 

    ต่อมาในปี  พ.ศ. ๒๕๑๑  ได้รับงบประมาณจากทางการอีก ๑๕๐,๐๐๐  บาท  ให้ทำการต่อเติมอาคารแบบ  ๐๐๘  ให้เป็นอาคารสองชั้น   ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓   ได้รับงบประมาณจากทางราชการให้ก่อสร้างอาคารเรียนแบบ  ๐๐๔  มีจำนวนห้อง  ๘  ห้องเรียน  เป็นจำนวนเงิน  ๑๖๐,๐๐๐  บาท  ในการสร้างอาคารหลังนี้ชาวบ้านในชุมชนได้ร่วมกันบริจาควัสดุการก่อสร้าง  สมทบ  โดยชาวบ้านทุกหลังคาเรือนบริจาคอิฐเพื่อก่อสร้างครอบครัวละ  ๕๐๐  ก้อน  บางรายก็บริจาคเป็นกรวดทรายและได้แรงงานจากชาวบ้านมาช่วยกันก่อสร้างจนเสร็จเรียนร้อย  รวมมูลค่าของอาคารเป็นเงินทั้งสิ้น  ๒๗๐,๐๐๐ บาท  ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓  นี้ได้รับงบประมาณก่อสร้างโรงฝึกงาน ๑ หลังเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท  ปีพ.ศ.  ๒๕๑๔  โรงเรียนได้สร้างน้ำประปาโรงเรียนโดยได้รับงบประมาณจากกรมอนามัย ๗,๐๐๐ บาท และมีชาวบ้านในท้องถิ่นร่วมบริจาคสมทบอีก ๑๑,๐๐๐ บาท  รวมเป็นเงินงบประมาณที่ก่อสร้างน้ำประปาทั้งสิ้น  ๑๘,๐๐๐ บาท

    ในปี  พ.ศ.  ๒๕๑๕  ชาวบ้านได้ร่วมมือกันบริจาคเงินเพื่อสร้างรั้วด้านหน้าจำนวนทั้งสิ้น  ๒๔,๙๔๑.๕๐  บาท  ในปีพ.ศ. ๒๕๑๖  ได้สร้างรั้วด้านหลังโดยใช้เงินบำรุงการศึกษาที่ชาวบ้านบริจาคสมทบเป็นจำนวน  ๖,๖๐๐ บาท  ในปีพ.ศ. ๒๕๑๙  ได้สร้างอาคารเรียนแบบ  ๐๐๔  จำนวน ๖ ห้องเรียน อีกหนึ่งหลัง  ในปี พ.ศ.  ๒๕๒๐  ได้รับงบประมาณเพื่อซ่อมแซมอาคารเรียนแล้วสร้างบ้านพักครูจำนวน ๒ หลัง  ต่อมาคณะครู   กรมการศึกษา  ชาวบ้าน  และบุคคลทั่วไปได้ร่วมกันบริจาคเงินจำนวน  ๗๑,๒๐๐  บาท  จัดซื้อที่ดินให้โรงเรียนอีก  ๓  ไร่  ๑  งาน  ๗๐ วา   ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑  ได้รับงบประมาณสร้างอาคารโรงอาหารเป็นจำนวนเงิน  ๗๐,๐๐๐  บาท  และบ้านพักครูอีก ๑ หลัง เป็นจำนวนเงิน ๗๑,๕๐๐  บาท  ในช่วงระหว่างปี  พ.ศ.  ๒๕๒๔ – ๒๕๓๐ ได้มีการพัฒนาอาคารสถานที่เกิดขึ้นใหม่หลายรายการ อาทิ เช่น  การซ่อมแซมอาคาร  สร้างถังน้ำประปา  ปรับปรุงสนามเด็กเล่น   ทำท่อระบายน้ำรอบอาคารเรียน  ขุดบ่อเลี้ยงปลา   สร้างเรือนเพาะชำ   สร้างสถานประดิษฐานพระพุทธรูป   สร้างถนนคอนกรีตจากประตูโรงเรียนเข้าสู่อาคารเรียนปี พ.ศ. ๒๕๒๒  โรงเรียนบ้านฟ่อนได้เข้าเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนชุมชน  และเรียกชื่อใหม่ว่า   โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อน  ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕  ได้เริ้มเปิดสอนนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นตามโครงการโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ  ในปี พ.ศ.  ๒๕๔๐  จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น  โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา  เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดสอนในระดับมัธยมศึกษา  โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่กว่าทุกโรงเรียนในตำบลชมพู    ปัจจุบันมีเนื้อที่  ๑๔  ไร่   ๑ งาน   ๕๕  ตารางวา  และเปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้น อนุบาล  ถึง   ระดับมัธยมศึกษา ปีที่  ๓


    ปรับปรุงข้อมูลเมื่อ 2023-07-24 09:20:17 น.

โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 โทรศัพท์: 054-250516 อีเมล์: banfonschool634@gmail.com
เว็บมาสเตอร์:: Ⓒ ระบบเว็บไซต์สถานศึกษา  WEB School CMS V.2 [ติดต่อทีมพัฒนา]