โรงเรียนบ้านโคกก่องคูสะคาม   อำเภอวานรนิวาส  จังหวัดสกลนคร   ครูใหญ่คนแรก คือนายไพบูลย์   กลางศรี ทำการสอนตั้งแต่ ป.๑-๔  พ.ศ. ๒๕๑๙  โดยอาศัยศาลาวัดบ้านโคกก่องเป็นอาคารเรียนชั่วคราว มีครูทำการสอนคนแรกคือ นายไพบูลย์  กลางศรี ซึ่งมีนักเรียนครั้งแรก  ๖๖  คน  ชาวบ้านโคกก่องได้บริจาคที่ดินสาธารณะประโยนชน์ของหมู่บ้านให้สร้างอาคารเรียนเป็นเอกเทศ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗  อาคารเรียนแบบ ป๑ ฉ  จำนวน ๑ หลัง  ๓ ห้องเรียน   

                            เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๒๒  ได้รับบรรจุครูเพิ่ม  จำนวน  ๔  คน  และได้พัฒนาโรงเรียนจัดทำสนามกีฬา  โดยได้รับบริจาคงบประมาณจากคณะครูและชาวบ้านในการดำเนินงาน

                              เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๒๓  ได้รับงบประมาณบริจาคจากชาวบ้านกั้นห้องเรียนชั้นล่างอาคาร  ป.  ๑  ฉ.  เป็นชั้นเรียนเพิ่มเติม   และได้ปรับปรุงวิธีการสอนเป็นระบบ   RIT

                              เมื่อปี   พ.ศ.  ๒๕๒๔  ได้รับบริจาคที่ดินเพิ่มเติมทำให้โรงเรียนมีพื้นที่เพิ่มจาก  ๙  ไร่  เป็น  ๑๒  ไร่  และชาวบ้านได้ร่วมบริจาคขุดบ่อเลี้ยงปลาจำนวน  ๑  บ่อ

                             เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๒๖   นายไพบูลย์   กลางศรี  ได้รับอุบัติเหตุถึงแก่กรรม   และนายวิจิตร แก้วอัคฮาด    มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่แทน

                            เมือปี   พ.ศ.  ๒๕๔๐    นายวิจิตร   แก้วอัคฮาด  ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งครูใหญ่  ที่โรงเรียนบ้านห้วยน้ำเที่ยง    นายเกษม   ทัศวงษา   มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่แทน   และมีการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนจากระบบ   RIT  มาเป็นการสอนระบบปกติ

                          เมื่อปี  พ.ศ. ๒๕๔๑  ได้รับงบประมาณในการสร้างอาคารเรียน แบบ สปช. ๑๐๒ / ๒๖

เรือนเพาะชำแบบ   พ. ๑ / ๓๐   ได้รับงบประมาณจากกรมทางหลวงขุดบ่อเลี้ยงปลา  จำนวน  ๑   บ่อ

กรมโยธาธิการได้ขุดเจาะน้ำบาดาล  และคณะครูได้ร่วมบริจาคจัดทำระบบประปาโรงเรียน

                          เมื่อปี  พ.ศ.    ๒๕๔๒    นายเกษม   ทัศวงษา   ย้ายไปดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนบ้านดงอีด่อย   และนายจำลอง   ภูคานา   มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่แทน   ได้รับงบประมาณในการสร้างอาคารอเนกประสงค์   แบบ   สปช.  ๒๐๒ / ๒๖

                              เมื่อปี  .พ.ศ. ๒๕๔๖    ได้รับบริจาคพระพุทธรูปจากท่าน   มหาชัยยา  เชยมณี   และได้รับบริจาคงบประมาณในการสร้างหอพระจากคณะครูและชาวบ้าน

                            เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๔๗   พระครูวิมลสรสิทธิ์  ได้รับเป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนพร้อมได้มอบเงินจำนวน    ๓๑,๖๐๐    บาท   ให้ต่อเติมพื้นอาคาร   ป.  ๑   ฉ   และสร้างรั้วโรงเรียน

                          เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๔๘   พระครูวิมลสรสิทธิ์    คณะครู  และชาวบ้าน  ได้ร่วมบริจาคงบประมาณในการสร้าง/ซ่อมแซมระบบประปาในโรงเรียนเพิ่มเติม

                           เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๔๐    โรงเรียนเป็นโรงเรียนตามโครงการโรงเรียนปฏิรูปการศึกษา   ได้รับงบประมาณในการจัดทำห้องปฏิบัติการทางภาษาจำนวน   ๑   ห้อง   และโรงเรียนได้รับปรับปรุงกำหนดตำแหน่งจากครูใหญ่เป็นตำแหน่งอาจารย์ใหญ่

                           เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๔๒   นายจำลอง    ภูคานา   ย้ายไปดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนบ้านโคกแสง   และนายเวชศักดิ์    บุญพรมมา  มาดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่แทน  และได้ปรับปรุงสร้างรั้วด้านหน้าโรงเรียนเป็นรั้วคอนกรีต  โดยได้รับงบประมาณจากการบริจาคจากคณะครู  และชุมชน

                           เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๔๓   พระครูวิมลสรสิทธิ์   ได้บริจาคเงินจำนวน   ๓๕,๐๐๐   บาท   ขุดลอกบ่อเลี้ยงปลา   และได้จัดสร้างโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน  โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก  สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลอินทร์แปลง

                             เมื่อปี   .พ.ศ.   ๒๕๔๔   พระราชบัณฑิต   ได้มอบเงินจำนวน    ๗๕,๐๐๐   บาท  ในการต่อเติมอาคารเรียน   ป   ๑   ฉ.   ชั้นล่าง   จำนวน   ๓   ห้องเรียน   โดยใช้แรงงานจากชาวบ้านโคกก่อง 

                          โรงเรียนบ้านโคกก่องูสะคามได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนพระราชทานขนาดเล็กของจังหวัดสกลนคร    และได้ปรับปรุงกำหนดตำแหน่งจากอาจารย์ใหญ่เป็นตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน

                            เมื่อปี   พ.ศ.   ๒๕๔๕    โรงเรียนบ้านโคกก่องคูสะคามได้รับการประเมินผ่านเกณฑ์คุณภาพโรงเรียนป้ายทองรุ่นที่   ๑ /  ๒๕๔๕    ของสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสกลนคร

                              เมื่อปี  พ.ศ.   ๒๕๔๖    โรงเรียนบ้านโคกก่องคูสะคามได้รับงบประมาณบริจาคจากชุมชนสนับสนุนในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการดำเนินงานและกิจกรรมของโรงเรียน

 ปัจจุบันโรงเรียนบ้านโคกก่องคูสะคาม  มีนักเรียนจำนวน    ๘๐    คน   ผู้บริหาร ๑ คน    ข้าราชการครู  ๕   คน    ครูอัตราจ้าง ๒ คน   เจ้าหน้าที่ธุรการ ๑ คน   นักการภารโรง  ๑  คน    อาคารเรียนจำนวน    ๒    หลัง    ๙     ห้องเรียน    อาคารอเนกประสงค์   ๑   หลังและห้องส้วม ๓ หลัง  มีพื้นที่ทั้งสิ้น    ๑๒     ไร่